ในการจะเลือกซื้อสินค้าสักหนึ่งชิ้น จำเป็นต้องผ่านการคิด ไตร่ตรองให้ดี ถึงรูปลักษณ์ คุณสมบัติ ประโยชน์ รวมไปถึงความคุ้มค่า และความสะดวกสบายในการใช้งาน ปัจจุบันที่นอนในท้องตลาดมีมากมายหลากหลายประเภทให้ได้เลือกซื้อเลือกใช้งานตามความต้องการ โดยที่นอนแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะ คุณสมบัติ ความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันไป
ซึ่งสิ่งที่ใช้จำแนกแยกประเภทของที่นอนก็คือตัววัสดุที่ใช้ในการผลิต หรือประกอบสร้างเป็นที่นอน มีทั้งวัสดุจากธรรมชาติ วัสดุสังเคราะห์ หรือแม้แต่การนำทั้งวัสดุธรรมชาติ และสังเคราะห์มาผสมกันในกระบวนการผลิต โดยจะสามารถแบ่งประเภทของที่นอนได้ ดังนี้
- ที่นอนยางพารา (Latex Mattress)
เป็นที่นอนที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ นั่นก็คือการผ่านกระบวนการขึ้นรูปที่นอนจากน้ำยางพาราที่ได้จากธรรมชาติ มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความยืดหยุ่นสูง ทำให้ไม่เกิดการยุบตัวจากการใช้งาน สามารถรับน้ำหนักตัวของผู้นอนได้เป็นอย่างดี ทนทาน แข็งแรง ใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่กักเก็บความชื้น และฝุ่นละออง แต่จะมีน้ำหนักที่มาก และราคาสูงกว่าที่นอนประเภทอื่น ๆ จึงทำให้ในปัจจุบันมีการนำวัสดุอื่นมาประกอบในการผลิตที่นอน เพื่อลดน้ำหนักและต้นทุน เช่น ฟองน้ำ ยางสังเคราะห์
1.1 ที่นอนยางพาราแท้
ผลิตจากยางพาราแท้ธรรมชาติ100% ไม่มีวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ มาผสม โดยจะถูกขึ้นรูป และผ่านกระบวนการอบในระดับอุณหภูมิที่เหมาะสม ออกมาเป็นแผ่นที่นอนขนาดใหญ่
1.2 ที่นอนยางพาราอัด
เป็นการนำเศษยางพาราแท้ มาสังเคราะห์ และบีบอัดรวมกันให้เป็นก้อนใหญ่ ๆ จากนั้นนำมาขึ้นรูปเป็นที่นอน
- ที่นอนสปริง (Spring Mattress)
คนมักนิยมใช้งานที่นอนสปริงกันอย่างแพร่หลาย เป็นที่นอนที่มีการผสมระหว่างวัสดุจากธรรมชาติกับวัสดุสังเคราะห์ มีคุณสมบัติการยืดหยุ่น และการคืนตัวได้อย่างดีเยี่ยม รองรับ และกระจายน้ำหนักได้ดี มีความหนามาก เนื่องจากมีการใส่สปริงเข้าไประหว่างชั้นที่นอนเพื่อทำหน้าที่รับน้ำหนัก และดูดซับแรงกดทับ แรงกระแทก ค่อนข้างมีความทนทานสูง
2.1 ที่นอนบอนแนลล์สปริง
ระบบสปริงแบบดั้งเดิม ที่มีลักษณะการยึดสปริงแต่ละลูกเข้าไปในแผ่นที่นอน ใช้คอยล์ลวดที่เชื่อมกัน ส่งผลให้ยังไม่ค่อยมีความแน่นหนามากนัก หากสปริงเกิดล้ม ก็จะส่งผลให้รูปทรงของที่นอนเปลี่ยนไป และยังสามารถเกิดการเสียดสีระหว่างสปริงทำให้เกิดเสียงดัง และรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว ขณะที่มีการพลิกตัวไปมา หรือขยับตัวบนที่นอน
2.2 ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง
ระบบสปริงแบบแยกอิสระ วางเรียงเป็นแถวภายใต้ชั้นที่นอน ตัวสปริงจะถูกสวมด้วยถุงผ้าอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันการเสียดสีระหว่างกัน ทำให้ไม่เกิดเสียงดังรบกวน มีการรองรับน้ำหนักเฉพาะส่วน ทำให้ไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ขณะอีกฝ่ายขยับตัวบนที่นอน หรือลุกจากที่นอน
- ที่นอนฟองน้ำ (Sponge Mattress)
เป็นที่นอนที่ใช้วัสดุสังเคราะห์ นั่นก็คือเศษฟองน้ำ มาบีบอัดเป็นก้อนแล้วนำไปเข้ากระบวนการทางเคมี เพื่อนำมาขึ้นรูปทรงที่นอนให้ได้ขนาดตามต้องการ มีความยืดหยุ่น รองรับน้ำหนักได้ดี แต่น้อยกว่าที่นอนยางพาราแท้ จึงมีการนิยมนำใยมะพร้าวมาผสม เพื่อให้ได้ที่นอนที่มีความแข็งมากขึ้น สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีมากขึ้น และไม่ยุบตัว
- ที่นอนใยมะพร้าว (Coconut Fiber Mattress)
ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ นั่นก็คือเส้นใยมะพร้าว โดยนำมาทอเป็นแผ่น ผ่านกระบวนการอัดแน่น และอบด้วยความร้อน จนได้เป็นรูปทรงของที่นอน น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นน้อย ไม่ยุบตัว ไม่เป็นแอ่งเวลานอน เป็นที่นอนที่ค่อนข้างมีความแข็ง และกระด้างในระดับหนึ่ง จึงนิยมนำฟองน้ำมาประกอบเสริม เพื่อเพิ่มความนุ่มสบาย ไม่ควรใช้งานต่อหากเสื่อมคุณภาพ เนื่องจากจะเกิดการเปื่อยยุ่ยเป็นฝุ่นผง ทำให้อาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจได้
- ที่นอนนุ่น (Kapok Mattress)
ทำจากผลผลิตที่เป็นเส้นใยที่มาจาก ต้นนุ่น เป็นวัสดุธรรมชาติ นิยมใช้ในการนำไปยัดเป็นไส้ในของหมอน ที่นอน ตุ๊กตา ระบายอากาศได้ดี ไม่กักเก็บความร้อน โดยที่นอนนุ่นมักจะถูกออกแบบในรูปทรงของที่นอนขนาดเล็กที่ใช้สำหรับเตียงเดี่ยว 3-4 ฟุต หรือมักนิยมใช้งานในรูปแบบที่นอนพับ ที่นอนปิกนิก วางนอนกับพื้น เนื่องจากมีลักษณะเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก หากต้องการใช้งานเป็นที่นอนขนาดใหญ่ จะนิยมใช้แบบวาง 3 ท่อนต่อกันเป็นแผ่นใหญ่ ทำให้สามารถสลับใช้งานในส่วนที่เกิดการยุบตัวได้
การศึกษาคุณสมบัติของที่นอน ลักษณะ วัสดุที่ใช้ในการผลิต เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้ทราบได้ว่าที่นอนประเภทไหน เหมาะสมกับการใช้งาน และข้อจำกัดของเรามากที่สุด ที่นอนแบบไหน จะสามารถรองรับสรีระร่างกายของเราได้อย่างดีที่สุด เพื่อให้ได้ที่นอนที่ดี มีคุณภาพ ที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพการนอนที่ดีให้กับเรา